วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

อาหารลดคอเลสเตอรอล

คอเลสเตอรอล เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิด โรคความดันโลหิตสูง รวมไปถึงโรคหัวใจ วันนี้เกร็ดความรู้เลยมีอาหารที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลมาบอกกัน....
1. มะเขือต่าง ๆ :
มะเขือเทศ, มะเขือเปราะ หรือมะเขือพวง อย่างมะเขือเทศก็จะมีทั้งวิตามินซี รวมทั้งสารเบต้าแคโรทีนและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์อีกหลายชนิด

2. หอมหัวใหญ่ :
ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ลดระดับไขมัน คอเรสเตอรอลในเส้นเลือด และสารที่สกัดจากหัวหอมใหญ่ยังสามารถลดน้ำตาลในเส้นเลือดได้อีกด้วย

3. กระเทียมสด :
ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ลดระดับไขมัน และคอเรสเตอรอลในเส้นเลือด

4. ถั่วเหลือง :
พืชตระกูลถั่วจะให้โปรตีนสูง

5. แอปเปิ้ล :
ผลไม้สารพัดประโยชน์ที่มีเพคติน ซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งไฟเบอร์ประเภทนี้ จะดึงคอเลสเตอรอล และขับออกมาจากร่างกายได้ นอกจากนั้นก็ยังช่วยบำรุงหัวใจ ลดความดัน รวมถึงการควบคุมปริมาณน้ำตาลในร่างกาย

6. โยเกิร์ต :
ที่นอกจากจะช่วย ลดระดับคอเลสเตอรอล ในเลือดได้แล้วก็ยังบำรุงผิวพรรณ ให้เปล่งปลั่งอีกด้วย
ก็ลองดูกัน..เผื่อระดับคอเลสเตอรอลจะลดลงกันได้บ้าง...

ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี

การดื่มน้ำ ถ้าจะให้ดีก็ต้องดื่มให้ถูกวิธี เพื่อที่ว่านอกจากทำให้ร่างกายนำน้ำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่แล้ว ยังทำให้อวัยวะต่างๆ แข็งแรงอีกด้วย วันนี้เราก็นำหลักปฏิบัติง่ายๆ มาฝาก
` ดื่มทุกครั้งที่ร่างกายร้องขอ แต่อย่าพรวดพราดดื่มทีละมากๆ เพราะนั่นจะไปเพิ่มภาระให้ระบบขับถ่ายอย่าง ไต ปอด ม้าม รวมทั้งระบบย่อยด้วย
` ที่เรียนกันมาว่าต้องดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วนั้น หมายรวมถึงปริมาณทั้งหมดที่รับในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำจากผัก ผลไม้ น้ำแกง น้ำก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ
` ถ้าคุณรับประทานอาหารรสที่ไม่จัดจ้านจนเกินไป คุณก็แทบจะไม่กระหายน้ำเลย แต่หากรับประทานเนื้อสัตว์ ของหวานจัด หรืออาหารแห้งๆ ทอด ย่าง ปิ้ง ร่างกายก็จะเรียกหาน้ำมากขึ้น ทำให้อวัยวะต่างๆ ทำงานหนัก ผลก็คือมันจะทรุดโทรมลงก่อนวัยอันควร
` อากาศร้อนของบ้านเรา ทำให้แทบทุกคนชอบเครื่องดื่มเย็นๆ จนติดเป็นนิสัยแม้ในช่วงที่มีอากาศเย็น ซึ่งทำให้อวัยวะต้องปรับน้ำที่เย็นกว่าให้เท่ากับอุณหภูมิร่างกายก่อนนำไปใช้ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง ระบบย่อยอาหารไม่ดี หรือปวดประจำเดือน จึงควรดื่มน้ำอุ่นๆ เพื่อให้ร่างกายขับเหงื่อ และดื่มตอนที่รู้สึกกระหาย ที่สำคัญคือ ไม่ควรดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหาร เพราะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ วิธีแก้ไขคือจิบน้ำอุ่น หรือซดน้ำซุปแก้ฝืดคอแทน แล้วเคี้ยวอาหารช้าๆ ให้ละเอียดก่อนกลืน จะช่วยลดการกระหายน้ำได้
` หากคุณต้องการดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆ ควรดื่มตอนที่เพิ่งลุกจากเตียงหมาดๆ, ระหว่างมื้ออาหาร 1 ชั่วโมงก่อนอาหาร,

และหลังจากอิ่มแล้วครั่งชั่วโมง นี่แหละค่ะดีต่อสุขภาพสุดๆ

เท้ามีกลิ่นอับจะกำจัดอย่างไร ?

หลายคนคงจะมีปัญหา กลิ่นอับ อันไม่พึงประสงค์ จากเท้าคุณ ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เรามีสูตรดี ๆ จะมาบอกต่อขั้นตอนนั้นก็ไม่มีอะไรมากมาย
เพียงคุณ หั่นผลส้ม (ซึ่งตอนนี้ถูกสุด ๆ ) เป็นแผ่นบาง ๆ ตามยาว ( ในกรณีนี้อาจจะเพิ่มมะนาว หรือ ลูกองุ่น หั่นบางเช่นกัน เพื่อสื่อสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น )
จากนั้น เติมน้ำอุ่น ลงในอ่างที่มีขนาดพอเหมาะ แล้วนำผลไม้ทั้งหมดที่เตรียมไว้เทใส่ลงไปพร้อมกัน แช่เท้าของคุณไว้ประมาณ 20 นาที
และเพื่อเพิ่มความอ่อนนุ่มของจุดที่หยาบกร้าน ให้ถูเท้าของคุณด้วยผลไม้นั้น
สุดท้าย เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเท้า ด้วยการชำระล้างด้วยน้ำเย็น
เพียงเท่านี้คุณก็ไม่ต้องกังวลกับกลิ่นอับ และเท้าคุณก็จะสัมผัสนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“บอกมาซิว่า..ไม่อ้วนเอาเท่าไหร่”่

คนที่มีเนื่อมีหนังสมบูรณ์สักหน่อยนี่ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ...แต่ถ้ามันสมบูรณ์จนเกินไปเค้าเรียกว่า"อ้วน"แล้วก็คนอ้วนเนี่ยช่างหาคนเอาใจยากเสียจริง นักออกแบบเสื้อเค้าก็ออกแบบจากคนหุ่นบางเพรียวลม ยังไม่เคยเห็นใครหานางแบบอ้วนท้วนสมบูรณ์สักคน
เพราะฉะนั้น คนอยากสวยหลายต่อหลายคนก็เลยผอมกัน วิธีง่ายๆก็ต้องลดอาหาร “ลด” นะ ไม่ใช่ “อด” แล้วก็ต้องลดอย่างถูกวิธีด้วยเพื่อไม่ให้ผอมบักโกรกตายไปเสียก่อนจะผอม สวยแต่ละคนก็แต่ละอย่าง บางคนลดความอ้วนไม่ได้เพราะเป็นแม่บ้านอยู่บ้านทั้งวัน ก็เลยกิน ชดเชยเวลาว่างเป็นการใหญ่ เพราะฉะนั้น ที่สรรหามานี่ก็เป็นกลยุทธการโบกมือลากับความอ้วน สำหรับสาวๆต่างแบบกัน คนทำงานหรือแม่บ้านเป็นต้น ใครเห็นว่าตรงกับตัวเองอันไหนก็รีบๆ อ่านๆรีบๆทำตามซะเพื่อจะได้ลาขาดซะที ความอ้วน!
สาวออฟฟิศ
ก็คือคนทำงานแล้วนั่นแหละไม่จำกัดหรอกว่าออฟฟิศไหนคุณไม่ค่อยมีเวลาจะสนใจกับการวางโปรแกรมลดอาหาร เพราะงานยุ่งเหลือเกิน เวลากินก็กินไม่ยั้ง เพราะเหนื่อเลยหิวง่าย เจียดเวลาดูแลตัวเองสักนิดเถอะน่า อยากสวยไม่ใช่เหรอ
ข้อห้ามสำหรับคุณ
1.อย่ากินขนมจุกจิกจุ๊กจิ๊กตอนช่วงพักดื่มกาแฟตอนเช้าหรือบ่าย
2.อย่ากินขนมตอนทำงานมือทำไปปากเคี้ยวเพลินก็เลยอ้วนเพลินๆปเลย 3.พอมีเวลาว่างอย่าใช้เวลาไปกับการกินหาอะไรอย่างอื่นทำแทน ท่องเอาไว้ เดี๋ยวจะอ้วน เดี๋ยวจะอ้วน ฮึ่ม!!
4.เลิกบ่นซะทีว่า...ต๊ายฉันอ้วนเลือเกิน โดยไม่ทำอะไรเลยเลิกบ่นแล้วหันมาทำอะไรซักอย่างเพื่อลดความอ้วนดีกว่า
ของแถม
1.ออกกำลังกายทุกวันอย่าให้ขาด
2.เคี้ยวหมากฝรั่งแทนเวลาอยากกินอะไรขึ้นมา
3.พยายามไม่ให้มีอาหารเหลือเอาไว้ยั่วยวน อย่าเข้าไปเปิดตู้เย็นบ่อยนัก นอกจากเวลาทำอาหาร
4.ใจแข็งเข้าไว้..เวลาเห็นขนมเค้กหรือพายซักชิ้น
คุณสามารถใช้เวลาประมาณ2สัปดาห์สำหรับลดความอ้วนได้ข้อสำคัญคือต้องทำใจแข้งเข้าไว้อย่ายอมแพ้ต่อสิ่งเย้ายวนทั้งหลายแหล่คุณก็จะบรรลุทางแห่งความงามได้ดั่งใจปรารถนา 

การนอนกรน






เมื่อร่างกายหลับ การหายใจของคนเราจะมีความสม่ำเสมอ เพราะกล้ามเนื้อทุกส่วนจะผ่อนคลาย รวมทั้งกล้ามเนื้อหายใจ เมื่อเกิดความผิดปกติของระบบการหายใจนี้จะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า การนอนกรน ประเภทการนอนกรน
1.ประเภทไม่เป็นอันตราย คือการนอนกรนธรรมดาที่ทำให้เกิดเสียงรบกวน จะไม่เกิดผลเสียต่อสุขภาพ แต่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้อยู่ใกล้ กลุ่มนี้มักมีการอุดกั้นทางเดินหายใจเพียงเล็กน้อย
2.ประเภทที่อันตราย คือการนอนกรนที่มีเสียงไม่สม่ำเสมอกันขณะที่หลับสนิท จะมีเสียงกรนดังสลับกับเบาเป็นช่วงๆ และจะมีช่วงหยุดกรนไประยะหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่หยุดหายใจ
การป้องกันและการรักษาการนอนกรนของผู้ป่วย
1. ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
2. หลีกเลี่ยงการนอนหงาย ให้นอนในท่าตะแคงข้าง และให้ศีรษะสูงเล็กน้อย
3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือยานนอนหลับและยากล่อมประสาทก่อนนอน
4. กรณีที่เป็นการนอนกรนชนิดอันตรายที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วย ให้รักษาโดย
• ใช้เครื่องช่วยหายใจ CPAP ครอบจมูกขณะหลับ เพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น วิธีนี้ปลอดภัย และได้ผลดีในผู้ป่วยเกือบทุกราย
• Radiofrequency จี้กระตุ้นให้เพดานอ่อนหดตัวลง โคนลิ้นหดตัวลง
• การผ่าตัด เอาส่วนที่ยืดยานออก
อันตรายจากการนอนกรน
1. ร่างกายอ่อนเพลีย คล้ายนอนไม่พอ ทำให้เกิดผลเสียต่อการเรียนการทำงาน และอาจเกิดอุบัติเหตุ
2. ไม่มีสมาธิในการทำงาน ความสามรถในการจำลดลง หงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย
3. มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดในสมองโรคหัวใจขาดเลือด (อาจทำให้เสียชีวิตทันที เพราะหัวใจทำงานผิดปกติขณะเกิดการหยุดหายใจในช่วงหลับ หรือที่เรียกว่าไหลตาย
4. ขาดสมรรถภาพทางเพศ

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

คนสายตาสั้นควรสนใจวิตามินใดบ้าง

การบำรุงสายตา, สุขภาพ, บทความ, สุขภาพ, ดวงตาสวย, การขาดวิตามิน        





















  คนสายตาสั้นควรสนใจวิตามินใดบ้าง  การบำรุงสุขภาพสายตา  ใครคิดว่าไม่สำคัญ  อย่างคิดว่าเมื่อสายตาสั้นแล้วก็จะต้องสั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ  เสมอไปนะ


          เนื่องจากว่าเซลล์ประสาทตานั้นจะไม่เสื่อมลงไปถ้าได้รับการบำรุงที่ดี  โดยมากเราจะเคยได้รู้เพียงว่าคนที่รับประทานวิตามินเอเป็นประจำสม่ำเสมอจะมีดวงตาสวย  สายตาดี  เพราะวิตามินเอเกี่ยวข้องกับสายตาโดยตรงอยู่แล้ว
          แต่ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ค้นคว้าพบว่าวิตามินบี 1  และวิตามินอี  มีคุณสมบัติช่วยบำรุงเรื่องตาของคนเราได้เป็นอย่างดี
          การขาดวิตามินดีทำให้จอรับภาพของตาเสื่อม  การขาดวิตามินบี 1  ประสาทที่ทำหน้าที่นำภาพไปสู่สมองก็จะเกิดผิดปกติ  มีผลทำให้ประสาทเสื่อม

          อาหารที่เป็นแหล่งวิตามินอี  และ  บี1  ที่ดีได้แก่  ตับ  นม  ถั่วลิสง  ถั่วต่างๆ  ข้าวซ้อมมือ  เต้าหู้  เนื้อหมู  งา  กระเทียม  และสาหร่าย

ผู้หญิงที่ออกกำลังกายมาก ต้องเติมธาตุเหล็กให้ร่างกาย

บทความสุขภาพ, การสูญเสียธาตุเหล็ก, ผู้หญิงกับธาตุเหล็ก, การเสียเลือด, สุขภาพ, อาหาร        


















มาดูกันว่าผู้หญิงจะสูญเสียธาตุเหล็กไปช่วงไหนมาก  ช่วงที่สูญเสียธาตุเหล็กมากก็คือเสียไปกับกับเลือดนั้นเอง  จึงทำให้ร่างกายต้องการธาตุเหล็กมากกว่าคุณผู้ชาย  ช่วงที่ตั้งครรภ์ก็เช่นกันธาตุเหล็กจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคุณผู้หญิง 
          เมื่อร่างกายของผู้หญิงออกแรงมาก ๆ  เช่นเล่นกีฬา  ออกกำลังกายอย่างหนัก  ผู้หญิงควรเพิ่มธาตุเหล็กเสริมสุขภาพเฉพาะในช่วงดังกล่าวมานี้  อาหารที่เป็นแหล่งธาตุเหล็กมีมากมาย  เช่น  ผักใบเขียว  คะน้า  บร็อกโคลี  หน่อไม้ฝรั่ง

อาบน้ำอุ่นกระตุ้นระบบหายใจ

การอาบน้ำอุ่น, สุขภาพ, การดูแลสุขภาพ, บทความสุขภาพ         
















วันนี้มาดูกันว่า  การอาบน้ำอุ่น  ดีต่อ สุขภาพ อย่างไร  ถ้าบ้านของคุณมีเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่แล้ว  การอาบน้ำอุ่น  อย่างสม่ำเสมอก็คงสามารถทำได้สะดวก  แต่สำหรับบ้านที่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น  ก็สามารถที่จะต้มน้ำร้อนอาบบ้างอย่างน้อย 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้งก็คงไม่วุ่นวายจนเกินไปนักสำหรับ สุขภาพ ที่ดีของเรา
          การอาบน้ำอุ่น  ช่วยกระตุ้นระบบหายใจให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ดังนั้นจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับท่านที่มีสุขภาพหัวใจไม่แข็งแรงนัก
          อุณหภูมิของน้ำที่มีความอุ่นพอเหมาะ  เช่น  45 องศา  ยังจะช่วยเยียวยาอาการของโรคกระเพาะอาหารได้ดีอีกด้วย  ทำให้ร่างกายสดชื่น  ความดันโลหิตเป็นปกติ  นอนหลับสบาย  แต่หากอาบน้ำที่ร้อนมาก ๆ  จะยิ่งทำให้ร่างกายของคุณอ่อนเพลียมากขึ้น  ดังนั้นการอาบน้ำอุ่นบ้างอย่างน้อย 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้งก็คงไม่วุ่นวายจนเกินไปนัก

ลดน้ำตาลเพื่อสุขภาพ

น้ำตาล, รสหวาน, น้ำตาลทราย        
















  ลดน้ำตาล เพื่อ สุขภาพที่ดี  ระยะนี้สถานการณ์"น้ำตาล" ก็หวนกลับมามีประเด็น "ราคาแพง" อีกครั้ง ซึ่งก็ส่งผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ถึงเรื่องต้นทุนการประกอบอาหาร ถึงเรื่องราคาอาหารการกินของคนไทย อย่างไรก็ตาม ผลต่อเนื่องเรื่องนี้อาจจะไม่กระทบกับชีวิตคนไทยมากนัก หากคนไทยส่วนใหญ่ "ลดหวาน"  "อ่อนรสหวาน" สำหรับอาหารการกินต่าง ๆ มีผลดีน้ำตาลแพงก็ไม่กระทบ และที่สำคัญ "ดีต่อสุขภาพ" ทั้งนี้ ผมได้ไปอ่านเจอบทความหนึ่งจากข้อมูลของ สสส. ซึ่งมีการวางแผนงานรณรงค์เพื่อเด็กไทยไม่กินหวาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า ปัจจุบันน้ำตาลแฝงอยู่ในอาหารแทบทุกชนิด ในกลุ่มเด็กที่บริโภคน้ำตาลมากไปก็จะมีปัญหามาก เช่นฟันผุ โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ซึ่งพฤติกรรมการกินหรือนิสัยการบริโภคจะถูกปลูกฝังตั้งแต่ในวัยเด็กและติดตัวไปจนโตเป็นผู้ใหญ่ ทั้งนี้ เด็กไทยในปัจจุบันบริโภคน้ำตาลเฉลี่ย 20 ช้อนชาต่อวัน ขณะที่หลักการบริโภคน้ำตาลไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน

 "เด็กไทยติดนิสัยกินหวาน บางบ้านลี้ยงลูกด้วยนมกล่องรสหวาน และจากสถิติก็พบว่าคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ที่มีบุตรหลานอายุต่ำกว่า 3 ขวบ ร้อยละ 65 นิยมป้อนอาหารเสริมสำเร็จรูปซึ่งมีส่วนผสมของน้ำตาล" ซึ่งถ้าหากเราปลูกฝังให้ลูกหลาน กินอาหารหวานให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย ก็จะเป็นผลดีต่อ สุขภาพ ของเราทำให้ไม่เป็น โรคอ้วน ฟันผุ หรือ โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

เรื่องน่ารู้ เลือกที่นอน… อย่างถูกวิธี



เรื่องน่ารู้ เลือกที่นอน… อย่างถูกวิธี
  • ที่นอนที่ดีควรรองรับกับสภาพร่างกายได้ ชั้นโอบรับของที่นอน ต้องเข้ากับส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและหลับได้สบายขึ้น และควรรับน้ำหนักได้ดี ป้องกันการยุบตัวและไม่เกิดการลื่นไหล เวลานั่งขณะขึ้นหรือลงจากที่นอน
  • ควรเลือกวัสดุที่ใช้ทำที่นอน ที่มีความนุ่มพอเหมาะและมีสปริงรับน้ำหนัก ร่างกาย วัสดุที่ใช้ทำต้องสามารถระบายอากาศได้ดี ไม่สะสมความชื้นและเชื้อแบคทีเรีย ในปัจจุบันนิยมใช้ที่นอนที่ผลิตจากยางพาราธรรมชาติ ซึ่งมีคุณภาพสูง แต่มีราคาแพง
  • เมื่อ ใช้ที่นอนนานเกิน 6 เดือน ควรกลับที่นอนอีกด้านหนึ่งขึ้นมาใช้ เพื่อไม่ให้ที่นอนถูกใช้งานเพียงด้านเดียว จะทำให้ที่นอนเสื่อมสภาพเร็ว และควรกลับด้านหัวนอนและปลายเท้าสลับกันด้วย เพื่อใช้งานอย่างทั่วถึงทั้งสี่ด้าน ที่สำคัญต้องทราบก่อนว่าวัสดุสังเคราะห์หรือวัสดุธรรมชาติ ที่ใช้ทำนั้นก่อให้เกิดภูมิแพ้ หรือมีไรฝุ่นหรือไม่ เทคโนโลยีปัจจุบันมีการผลิตที่นอนที่เคลือบสารป้องกันไรฝุ่น จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยไม่ไห้เกิดอาการภูมิแพ้ได้
  • แต่ถ้าไม่มีแนะนำให้ซักผ้าปูที่นอนด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อฆ่าไรฝุ่น และควรทำความสะอาดที่นอนเป็นประจำทุกเดือน

บทความดีๆ ความสุขของการ… ได้รัก


บทความดีๆ ความสุขของการ… ได้รัก



ในขณะที่เราคิดถึงคน ๆ นึงตลอดเวลา เค้าคนนั้นก็อาจคิดถึงคนอื่นอยู่ก็เป็นได้ และบางครั้ง ก็อาจมีคนที่คิดถึงเรา โดยที่เราไม่สนใจเลยเช่นกัน
บางครั้ง การได้ฝันไปคนเดียว มันก็ดีกว่าการได้รู้ความจริงที่ว่า สิ่งที่เราคิดทั้งหมด มันคือความฝันของเราเองเพียงคนเดียว
ฉะนั้น ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะจมกับความฝัน มากกว่าการได้รับรู้ความจริง การไม่ได้เป็นที่ 1 ในใจเค้า ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า… เราอาจเป็นที่ 2 ซึ่งมันก็ยังดีกว่าเป็นที่ 3 ที่ 4… และหากเราเป็นที่ 10 ในใจเค้า… ก็ขอให้คิดไว้ว่า ดีกว่าเราไม่มีความสำคัญอะไรในใจเค้าเลย
แต่โปรดจำไว้เถอะว่า หากหัวใจของคุณยังไม่ร้องไห้ออกมาดัง ๆ พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า…ชั้นเหนื่อยเหลือเกินแล้ว โปรดห้ามใจเถอะ ก่อนที่ชั้นจะอ่อนล้าไปกว่านี้… ก็จงชอบต่อไปเถอะ
การรักใครซักคน ไม่ต้องการความพยายาม “การตัดใจ”ต่างหาก ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย ลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิว่า ความสุขยามที่คุณได้สบตาเค้า กับความทุกข์ยามที่คุณต้องคอยหลบตาเค้า อันไหนมันหนักหนากว่ากัน
อย่าโทษตัวเอง ที่มาเจอเค้าสายเกินไป… อย่าโทษเค้าที่ไม่มีใจให้… อย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เราพบกัน แต่ไม่ได้ทำให้เราใจตรงกัน
แต่จงยิ้มให้กับตัวเอง ที่อย่างน้อย ถึงจะพบกับเค้าคนนั้นสายเกินไป แต่ก็ยังได้พบ… ยิ้มให้เค้า ที่ถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามา แต่ก็ยังได้รับหัวใจของเราไป… ยิ้มให้กับโชคชะตา ที่ยังทำให้เรา…ได้รู้จักกัน
คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ครั้งหนึ่ง คุณได้เจอคนที่คุณอยากเก็บรอยยิ้มของเค้าไว้คนเดียว
คนที่คุณใส่ใจกว่าตัวคุณเอง… คนที่ทำให้คุณหัวเราะ…และร้องไห้ได้มากมาย…
คนที่เพียงแค่ยิ้มของเค้า ก็สามารถเปลี่ยนวันที่หมองหม่น…ให้กลายเป็นวันที่สดใส เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่หรือ?
แค่การได้เห็นคนที่เรารัก ได้หัวเราะอยู่กับใครสักคนที่เค้ารักมากที่สุด …นั่นแหละคือความสุขของการได้รัก…อย่างจริงใจ

เคล็ดลับ เลือกซื้อกระโปรง สำหรับสาวทำงาน





 
หมวด: สาวๆชุดทำงานชุดราตรีชุดเดรสชุดแซกบทความไอเดียเกร็ดความรู้,เสื้อผ้าเสื้อผ้าวัยรุ่น
สะกิดมีเคล็ดลับเลือกซื้อกระโปรงมาฝากค่ะ
  • สาวเจ้าเนื้อ ควรเลี่ยงใส่กระโปรงยาวกรอมเท้า ถ้าไม่อยากให้ใครๆเห็นคุณเป็นถังตันๆที่เดินได้
  • ถ้าคุณมีสะโพกดินระเบิด เก็บกระโปรงลายจุดออกจากตู้เสื้อผ้าได้เลย เพราะกระโปรงแบบนี้จะเหมาะกับสาวสะโพกเล็กเท่านั้น
  • สาวๆทุกคน ถ้าไม่อยากให้บุคลิกตัวเองดูเหมือนครูไหว(ใจร้าย) ก็อย่าได้ใส่กระโปรงยาวที่มีสีเดียวกันกับสีเสื้อเด๊ะๆ เพราะดูแมตช์กันเกินไป
  • ส่วนสาวหุ่นเพรียว น่าอิจฉาจริงๆที่สามารถเลือกใส่กระโปรงยาวระดับไหนก็ได้ตามใจชอบ แต่อาจต้องเลือกแบบหน่อยนึง ซึ่งแบบของกระโปรงยาวที่เหมาะกับสาวหุ่นนี้ก็คือ กระโปรงทรงสามเหลี่ยม
เคล็ดลับ
ใส่กระโปรงยาวสวยสง่าแล้ว อย่าตกม้าตายด้วยการใส่รองเท้าแตะหรือรองเท้าส้นแบนเชียวนะคะ แต่ควรเลือกใส่รองเท้าส้นสูงแบบเปลือยๆ ที่มีสายพันข้อเท้ายาวๆเอามาผูกโบว์ 

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

เรื่องดีๆน่าอ่าน สอนลูก… ให้มีน้ำใจ

เรื่องดีๆน่าอ่าน สอนลูก… ให้มีน้ำใจ


หมวด: ข้อคิด, บทความ, บทความดีๆ, เรื่องน่าอ่าน, เรื่องน่ารู้, เกร็ดความรู้, เกร็ดน่ารู้
  • ให้ความช่วยเหลือ หากพบว่ามีคนเอื้อมมือหยิบของบนที่สูงไม่ถึง (ถ้าคุณตัวสูงพอ)
  • หากกำลังจะเปิดประตูเข้าอาคารห้างร้าน แล้วพบว่ามีคนเดินตามาข้างหลัง แค่เปิดประตูค้างไว้นานอีกนิด เผื่อให้คนที่ตามมาข้างหลังได้เข้ามาด้วยก็จะเป็นการแสดงความเอื้อเฟื้อต่อ เขาด้วยเช่นกัน
  • ยิ้มและทักทายคนรู้จักด้วยไมตรีจิต
  • ให้กำลังใจเพื่อน หรือคนรู้จัก หากทราบว่าเขาเจอเรื่องแย่ ๆ มา
  • เมื่อได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ พยายามจำชื่อ และเอกลักษณ์ของคน ๆ นั้นเอาไว้ วันหน้าหากคุณได้พบกับเขาเหล่านั้นอีก และเขาทราบว่าคุณจำได้ เขาจะรู้สึกดีกับตัวเอง และกับตัวคุณมากขึ้น
  • ให้ความช่วยเหลือกับเด็ก คนอ่อนแอ หรือสัตว์เลี้ยงที่ถูกกระทำรุนแรง
  • กรณีที่คุณได้รับบริการพิเศษ หรือเกิดเรื่องประทับใจใด ๆ ขึ้นกับหน่วยงานที่คุณเข้าไปติดต่อ เช่น ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่อย่างดี ไม่ตะคอกใส่ ไม่เพิกเฉยต่อคำร้องเรียนของคุณ ลองเขียนจดหมายบอกเล่าถึงความดีของเจ้าหน้าที่คนนั้นส่งไปให้องค์กรของเขา ได้รับทราบ
  • เมื่อมีคนพยายามจะเปิดวงนินทา แล้วคุณบังเอิญอยู่ในวงนั้นพอดี ขอให้ลองชวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หรือไม่ก็หางานอย่างอื่นทำ
  • หากคุณมีหนังสือดี ๆ และต้องการมอบมันให้กับใครสักคนที่ต้องการกำลังใจ ลองวางในที่ที่ (คาดว่า) จะมีคนมาพบ และหยิบมันขึ้นดูแน่ ๆ เช่น บนเก้าอี้รถเมล ในสวนสาธารณะ จะดียิ่งขึ้น หากคุณเขียนโน้ตบอกผู้ที่มาหยิบหนังสือนี้ว่า ขอให้ผู้ที่หยิบขึ้นมาอ่านรู้สึกดี ๆ กับหนังสือเล่มนี้เหมือนที่คุณรู้สึก และแบ่งปันให้กับคนอื่น ๆ ต่อไป
  • หากทราบว่าเพื่อนบ้าน คนรู้จักป่วย ลองให้ความช่วยเหลือแก่เขาเหล่านั้น เช่น ส่งอาหารอร่อย ๆ ไปให้ ไปเยี่ยมเป็นเพื่อนพูดคุยคลายเหงา จะช่วยให้คนป่วยรู้สึกดีขึ้น
  • ทำขนมอร่อย ๆ และแบ่งให้เพื่อนบ้านลองชิม
  • หากคุณพบว่า ในละแวกบ้านมีบางครอบครัวประสบปัญหาทางการเงิน ลองให้ความช่วยเหลือโดยการซื้อของใช้จำเป็นไปมอบให้
  • ยามเย็น ลองเปิดบ้าน หยิบนิทานมาเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง
  • ลองชวนลูกเขียนจดหมาย -ส่งข้อความดี ๆ หาเพื่อน หาคุณตาคุณยาย คนรู้จัก
  • ให้ความช่วยเหลือกับเด็ก คนชรา ที่กำลังรอข้ามถนน หรือต้องขึ้นลงรถโดยสารประจำทาง
  • หากคุณซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวนมาก ๆ แล้วพบว่าคนที่ต่อคิวข้างหลังคุณมีของไม่มากนัก อาจให้เขาจ่ายเงินก่อนคุณเพื่อที่เขาจะได้เสร็จธุระเร็วขึ้น

วิธีดูแลผมสวย การนวดหนังศีรษะ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพเส้นผม

วิธีดูแลผมสวย การนวดหนังศีรษะ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพเส้นผม


หมวด: ดูแลผม, วิธีดูแลผม, บทความ, บทความดีๆ, เรื่องน่ารู้, เกร็ดความรู้, เกร็ดน่ารู้
  1. นวดวนทั่วทั้งศีรษะ เป็นท่านวดเพื่อเป็นการส่งผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่ใช้ซึมซาบเข้าบำรุงหนังศีรษะ เต็มที่ โดยใช้ปลายนิ้วทั้ง 10 โอบรอบหนังศีรษะ แล้วนวดทวนเข็มนาฬิกา โดยลงน้ำหนักให้ทำกันทุกนิ้ว ทำซ้ำ 3 รอบ
  2. กระตุกเส้นผม เพื่อ กระตุ้นกล้ามเนื้อหนังศีรษะ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและน้ำเหลืองช่วยให้ผ่อนคลาย เริ่มจากจับผมเป็นชุดๆ โดยเริ่มจากหน้าผากช่วงกึ่งกลางศีรษะแล้วใช้นิ้วพันเส้นผมตามที่แบ่งไว้ กระตุกปอยผมนั้นเป็นจังหวะ 3 ครั้ง ต่อเนื่อง ทำเช่นนี้ทั่วทั้งศีรษะ แต่ระวังอยากกระตุกแรง
  3. ผ่อนคลายจากโคนจรดปลายผม ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดลงบนบริเวณขมับและให้นิ้วหัวแม่มือวนอยู่ที่บริเวณ ท้ายทอย นวดวนยกขึ้นให้ทั่วทั้งศีรษะ โดยไล่จากท้ายทอยขึ้นข้างบนจากนั้นลูบเส้นผมขึ้นจากโคนจรดปลาย
  4. นวดกดจุดทั่วทั้งหนังศีรษะ ย้ำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมทำงานได้ดียิ่งขึ้น ใช้นิ้วทั้ง 10 นวดกดจุดจากตรงกลางศีรษะวางน้ำหนักไว้ที่กึ่งกลางศีรษะไล่ลงมาถึงท้ายทอยและ แยกไปที่ข้างใบหู
  5. นวดใต้ท้ายทอยให้ผ่อนคลาย ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดที่ท้ายทอยประมาณ 3 วินาที แล้วลากออกด้านข้างตามแนวฐานกะโหลกศีรษะไปจนถึงปลายติ่งหู ทำซ้ำ 3 ครั้ง
  6. ปลอดปล่อยความเมื่อยล้า ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดนวดบริเวณท้ายทอยไล่ลงมาสู่ต้นคอ จากนั้นกดค้างไว้ 3 นาทีและเว้นระยะห่างแบ่งเป็น 3 จุด ทำซ้ำ 3 ครั้ง และไม่ควรทำย้อนขึ้น
  7. กดจุดให้หลับสบาย ใช้ นิ้วชี้และนิ้วกลางกดบริเวณท้ายทอยเพียงจุดเดียว กดค้างไว้ประมาณ 3 วินาทีแล้วจึงค่อยๆ คลายน้ำหนักลง ทำซ้ำ 3 ครั้ง และหากใช้มืออีกข้างประคองศีรษะของผู้ที่ได้รับการนวด จะเป็นการช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับสบายยิ่งขึ้น
  8. ผ่อนคลายทั่วทั้งตัว บีบ นวดกล้ามเนื้อโดยเริ่มจากบริเวณไหล่ไล่ลงมายังบริเวณต้นแขน และบีบนวดเป็นจังหวะสม่ำเสมอไล่ลงมาเรื่อยๆ และนวดวนบริเวณกลางฝ่ามือ ก่อนไล่ลงจนที่ปลายนิ้วเป็นอันเสร็จพิธีการ

เทคนิค การเลือกคอเสื้อ ให้เข้ากับรูปร่าง

เทคนิค การเลือกคอเสื้อ ให้เข้ากับรูปร่าง


หมวด: วิธีเลือกซื้อเสื้อผ้า, สอนเลือกชุด, บทความ, บทความดีๆ, เรื่องน่ารู้, เลือกซื้อเสื้อผ้า, เกร็ดความรู้, เกร็ดน่ารู้
  • เสื้อคอกลมสูง : เหมาะกับสาวคอยาว ส่วนสาวๆที่รู้ตัวว่าคอสั้น คอสองชั้น หรือมีหน้าอกใหญ่ ควรหลีกเลี่ยง
  • เสื้อคอวี : เหมาะกับสาวทุกรูปร่าง ใส่แล้วจะช่วยให้ดูเพรียวขึ้น แต่สำหรับสาวที่คอยาวมากๆ ไม่ควรใส่เสื้อแบบนี้
  • เสื้อคอเต่า : เสื้อคอเต่ามีข้อดีตรงที่ เมื่อใส่แล้วจะช่วยให้ลำตัวดูยาวขึ้น ทำให้สาวที่ตัวไม่สูงนักดูตัวสูงขึ้นได้ ส่วนคอสองชั้นไม่ควรใส่เสื้อคอเต่า
  • เสื้อคอกลมลึก : เหมาะกับสาวไหล่แคบ หรือสาวหุ่นทรงลูกแพร์ คอเสื้อแบบนี้ยังช่วยให้สาวคอสั้น ดูมีลำคอมากขึ้น ช่วยให้ดูหน้าอกเล็กลง อีกทั้งยังเหมาะกับสาวหน้ายาวและหน้าแหลม
  • เสื้อคอเหลี่ยม : สาว คนไหนที่สะโพกกว้าง ลองหาเสื้อคอสี่เหลี่ยมมาใส่ดู จะช่วยให้หุ่นดูสมดุลขึ้น ทั้งยังช่วยให้คอดูยาวขึ้น แต่คอเสื้อแบบนี้ ไม่เหมาะกับสาวไหล่กว้างและสาวที่มีหน้าอกใหญ่
  • เสื้อคอปาด : สาว ที่มีไหล่แคบและสาวสะโพกใหญ่ เหมาะกับเสื้อคอปาดมาก เพราะจะช่วยทำให้ไหล่ดูกว้าง และสะโพกดูสมดุลขึ้น เสื้อคอปาดยังเหมาะกับสาว ที่มีรูปหน้ารูปหัวใจ สาวคอยาว และเหมาะกับทั้งสาวหน้าอกเล็ก, หน้าอกใหญ่ แต่ไม่เหมาะกับสาวคอสั้น คอใหญ่ และสาวไหล่กว้าง

บทความดีๆ มันมีเหตุผลหลายอย่าง ที่เราจำเป็นต้องหักห้ามใจไม่ให้รักใครสักคน

บทความดีๆ มันมีเหตุผลหลายอย่าง ที่เราจำเป็นต้องหักห้ามใจไม่ให้รักใครสักคน


หมวด: ข้อคิด, บทความ, บทความดีๆ, บทความสอนใจ, บทความน่าอ่าน, เรื่องน่าอ่าน, เรื่องน่ารู้
มันมีเหตุผลหลายอย่าง ที่เราจำเป็นต้องหักห้ามใจไม่ให้รักใครสักคน
เหตุผลของคนเราย่อมไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะรู้ตัวว่ามันคงเป็นไปไม่ได้
บางคนอาจต้องห้ามใจ เพราะกลัวใจตัวเองจะถลำลึกและเจ็บปวดมากไปกว่านี้
บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะมีคนที่รักคนที่เรารักมาก่อน และคนคนนั้นก็คือคนที่เรารู้จัก
และเราก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของคนคนนั้น
บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะเขาอาจไม่ได้คิดและรู้สึกเหมือนกับเรา
ทุกข์ทรมานแค่ไหนที่เรารักเขา แต่ต้องพยายามฝืนใจถอยห่างออกมา
เราต้องเงียบ ต้องเฉยชา ต้องเลี่ยง ต้องหลบหน้า ต้องทำหน้าตาบึ้งตึงใส่
เพื่อจะย้ำเตือนให้ตัวเองไม่ต้องรู้สึกอะไรใดๆ กับเขา
มันเจ็บแทบบ้าที่ต้องทำร้ายตัวเองด้วยวิธีการนี้
แม้จะดูเป็นวิธีการโง่ๆ แต่หากจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องตัวเอง
เพื่อไม่ให้ใจของตัวเองต้องบาดเจ็บ
ความหวัง เป็นเหมือนกำลังใจ แต่มันก็จะไม่สมหวังเช่นกัน ถ้ามัวแต่หวังอยู่อย่างนั้น
แต่ก็ใช่ว่า เมื่อก้าวเดินตามฝัน หรือทำตามความหวังแล้ว มันจะสำเร็จตามที่ใจต้องการเสมอไป
สำหรับบางอย่าง มันก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง มันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น มันอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ อย่างที่เราต้องการให้มันเป็น

เรื่องน่ารู้ ผู้ชายมีบ้านเล็ก… เพราะอะไร

เรื่องน่ารู้ ผู้ชายมีบ้านเล็ก… เพราะอะไร


  1. ความใกล้ชิดผู้หญิง สามี เหล่านี้คิดว่าเพราะตนไปใกล้ชิดภรรยาน้อยด้วยเหตุต่างๆ ต่อมาความใกล้ชิดทำให้เกิดความรัก ความผูกพันขึ้น เกิดความถูกใจ สามีบางคนไปรู้เรื่องน่าสงสารน่าเห็นใจ อยากช่วยทำให้พัวพัน จนเกิดเรื่องเพศสัมพันธ์ตามมา สาเหตุข้อนี้พบมากที่สุดคือประมาณสองในสาม คิดเป็น 66.67 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว เหตุผลที่สามีอ้างเรื่องความใกล้ชิดพาไปนี้จะเข้าทำนองคำกล่าวที่ว่า “รักแท้ แพ้ใกล้ชิด” กระมัง
  2. ผู้ชายมีทัศนคติว่าสามารถมีภรรยาได้หลายคน มี ผู้ชายในกลุ่มนี้ 7 คน จาก 20 คน ซึ่งมากถึงหนึ่งในสาม มีความคิดว่าไม่เห็นเป็นอะไร ผู้ชายสามารถมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนในขณะเดียวกันได้ หรือพูดอีกอย่างว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ชายที่จะมีเมียหลายคนและผู้หญิงที่ เป็นภรรยาหลวงน่าจะยอมรับได้ แต่ขณะเดียวกันผู้ชายเหล่านี้จะค้านว่าภรรยาตนไม่มีสิทธิ์มีสามีได้หลายคนใน ขณะเดียวกัน
  3. ไม่มีความสุขกับภรรยาหลวง เดิม ข้อนี้เป็นที่เข้าใจของคนทั่วไปมากเหมือนกันว่า ถ้าสามีใครไปมีภรรยาน้อยแปลว่า เป็นความบกพร่องของภรรยาหลวงที่ไม่สามารถ “มัดใจ” สามีไว้ได้ หรือพูดทำนองว่า “สามีคนเดียวก็เอาไว้ไม่อยู่” ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาดว่าเป็นหน้าที่ของภรรยาที่จะไป มัดใจสามีไว้ ทั้งที่มันควรจะเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งสามีและภรรยาที่จะทำให้ ชีวิตคู่มีความสุข ไม่ใช่หน้าที่หรือเป็นภาระของผู้หนึ่งผู้ใดทั้งสิ้น
  4. สาเหตุอื่นๆ สามี หลาย ๆ คนพูดว่าที่มีภรรยาน้อยเพราะภรรยาน้อยสามารถให้ประโยชน์กับตน เช่น เงินทอง ข้าวของและสามารถสนับสนุนให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่ทำอยู่ เพราะภรรยาน้อยมีเส้นสายหรือมีผู้ใหญ่ที่ภรรยาน้อยวิ่งเต้นให้ได้ บางคนจะอ้างว่าที่ไปมีเมียน้อย เพราะเป็นเพียงวิธีหาความสุขของผู้ชายเท่านั้น สามีบางคนเห็นว่าการมีเมียน้อย เป็นความสามารถของสามี คือสามารถทำให้ผู้หญิงมายอมเป็นเมียน้อยของตนได้

เวลา… ที่คนข้างกายของคุณ น่ารักที่สุด

เวลา… ที่คนข้างกายของคุณ น่ารักที่สุด


  1. ตอนที่เขาไม่สบาย เวลาที่ผู้ชายไม่สบาย เป็นบุคลิกหนึ่งที่คุณอาจรู้สึกได้ว่าเขาจะกลายเป็นผู้ชายขี้อ้อน ที่ต้องการพยาบาลส่วนตัวอย่างคุณมาคอยเป็นกำลังใจเฝ้าไข้อยู่ตลอดเวลา เขาจะออเซาะขอให้คุณคุณตามใจนู่นนี่ตลอดเวลา ที่เห็นว่าทำไมเวลาผู้ชายป่วยถึงเป็นเวลาที่เขาดูน่ารักขึ้นกว่ายามไม่เจ็บ ไม่ป่วย ก็เพราะอาการป่วยอันรุมเร้าจะทำให้เขาสิ้นฤทธิ์ความดื้อค่ะ
  2. ตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ ของคุณ เพราะอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนอื่น เขาก็จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองจากเดิมที่อาจจะเคยกระด้างกระเดื่องต่อ คนรักกันอย่างคุณ แต่พอมีแขกต่างเพศมาอยู่ด้วย เขาก็เริ่มทำตัวน่ารักและน่าเอ็นดูยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
  3. ตอนที่เขากิน แม้กิริยาตอนผู้ชายรับประทานจะเป็ฯอะไรที่ไม่น่ามองก็ตาม แต่เวลาที่เขากิน มันทำให้สิ่งที่เขากินดูน่ากินขึ้นเอามากๆ ถึงจะดูมูมมามและออกตะกละตะกรามไปหน่อยก็เถอะ เวลาที่ผู้ชายเกิดหิวหรือเกิดอร่อยอะไรขึ้นมา ผู้ชายก็จะกินด้วยความโหยหิว ซึ่งมันทำให้อาหารจานนั้นดูอร่อยกว่าความเป็นจริงขึ้นเยอะเลย
  4. ตอนที่เขาสำนึกผิด เวลาที่ผู้ชายตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาความผิดอันผิดต่อผู้หญิงเรา เขาก็จะออกอาการเซื่องซึมและทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เพื่อเป็นการง้องอนขอโทษคุณ เขาจะไม่ทำพฤติกรรมอันใดเพื่อเป็นการขัดใจและกวนอารมณ์ของคุณเป็นเด็ดขาด แต่เขาจะทำตัวเงียบที่สุด น่าสงสารที่สุดให้คุณเห็นใจและเข้าใจเขามากที่สุด ซึ่งคุณต้องระวังกับมารยาผู้ชาย…
  5. ตอนที่เขาขออนุมัติ ไม่ว่าคำขอเหล่านั้นจะเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง หรือจะเป็นคำอนุญาตขอไปไหนก็ตามแต่ ถ้าคำขอนั้นเป็นคำขอที่ต้องขอการตัดสินใจของคุณแล้วล่ะก็ เขาก็จะเข้ามาทำให้คุณอารมณ์ดีและพยายามหว่านล้อมให้คล้อยตามและเห็นด้วยกับ เขา เรื่องที่เขาต้องขออนุมัติจากคุณก็เช่น การขอเบิกใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่ หรือขอไป Drink กับเพื่อนหลังเลิกงาน
  6. ตอนที่เขาอยากมีเซ็กซ์ เรื่องอย่างว่าแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังจึงจำเป็นที่เขาต้องขอความเห็นใจ จากคุณ เพื่อความกระหายอยากคลายรักของเขา เขาจะเข้ามานัวเนียพัวพันกายของคุณ จนคคุณเองรู้สึกได้เองว่าเขาต้องการอะไร แล้วถ้าคุณไม่จัดให้เขาก็ระวังว่าเขาจะใช้กำลังเข้าขืนใจเอาล่ะ

เรื่องน่ารู้ วิธีการรักษา โรคเท้าเหม็น

เรื่องน่ารู้ วิธีการรักษา โรคเท้าเหม็น


  1. พยายามทำให้เท้าแห้งอยู่เสมอ โดยอาจใช้แป้งฝุ่นฆ่าเชื้อโรยที่เท้า หรือยารักษาสิว (Benzoyl Peroxide) ก็นำมาใช้ได้เช่นกัน นอกจากนั้นก็อาจใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อราชนิดทาก็ได้
  2. โบทอกซ์ที่ใช้แพร่หลายกันในเรื่องการลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ก็สามารถนำมาใช้รักษาโรคเท้าเหม็นได้ด้วย โดยการฉีดโบทอกซ์เข้าไปที่ฝ่าเท้าเพื่อลดเหงื่อที่ออกมากๆ ประมาณ 6-12 เดือน ก็จะเห็นผล (วิธีการนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก 10,000-20,000 ต่อครั้ง)
  3. การใช้ไอออนโตเพื่อลดเหงื่อ ซึ่งเป็นวิธีการที่ปฏิบัติกันมากว่าเจ็ดสิบปีแล้ว โดยทำบริเวณที่มีเหงื่อให้เหงื่อออกมาครั้งละ 20-30 นาที สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จนเหงื่อที่ออกลดลงเป็นปกติ วิธีนี้ไม่เจ็บ ไม่แพง แต่ก็ไม่นิยมในบ้านเรา
  4. แช่เท้าในน้ำล้างเท้าผสมสูตรระงับกลิ่นทุกวัน โดยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที

เรื่องน่ารู้ กิจกรรมที่ควรทำ วันสงกรานต์

เรื่องน่ารู้ กิจกรรมที่ควรทำ วันสงกรานต์


ปล่อยนกปล่อยปลา คนไทยมีความเชื่อว่าการปล่อยนกปล่อยปลา ถือว่าเป็นการอโหสิกรรมและชำระบาปในส่วนที่ตน เป็นผู้ก่อ อีกทั้งทำให้เคราะห์ร้ายที่จะเกิดขึ้นหมดไป
  1. ให้ทานแก่ผู้ที่ขัดสน เช่น คนชรา เด็กพิการ เด็กกำพร้า เป็นต้น
  2. สรงน้ำพระพุทธรูป และสรงน้ำพระภิกษุสามเณร
  3. การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ได้แก่ บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่ และบุคคลที่มีพระคุณ การรดน้ำผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์ ด้วยต้อง การขอขมาสิ่งที่อาจจะล่วงเกินผู้ใหญ่ ในบางครั้ง รวมถึงเป็นการขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล และข้อคิดเตือนใจแก่ตนเอง อีก ทั้งเพื่อเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณอีกด้วย การรดน้ำ ถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ซึ่ง แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีของบุตรหลานที่มีต่อบุพการีหรือญาติผู้ใหญ่ อีกทั้งเป็นการขอพรจากบิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ เพื่อเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่
  4. การละเล่นสาดน้ำ ประเพณีนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของวันสงกรานต์เลยทีเดียว ด้วยงานฉลองวันสงกรานต์นั้นเป็นช่วง ฤดูร้อน ประเพณีเริ่มจากการที่มีการสรงน้ำพระ และรดน้ำญาติผู้ใหญ่ การเล่นสาดน้ำนั้นนิยมกันในหมู่ของหนุ่มสาว น้ำที่ ใช้สาดกันนั้นจะใส่น้ำอบ น้ำหอม แต่ในปัจจุบันประเพณีอันดีงามอันนี้ ได้จางหายไปตามกาลเวลาและยุคสมัย ใน ปัจจุบันมีการสาดน้ำกันอย่างรุนแรง รวมถึงได้มีการนำอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการละเล่นสาดน้ำมากขึ้นด้วย

เรื่องน่ารู้ วิธีดูแลสุขภาพ… รับมือกับหน้าร้อน

เรื่องน่ารู้ วิธีดูแลสุขภาพ… รับมือกับหน้าร้อน


  1. ไม่ควรกินน้ำแข็งหรือดื่มน้ำเย็นจัด ฤดูร้อน อากาศร้อน ต้องหาทางช่วยดับความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนกระทบร่างกายมากเกินไป เป็นหลักการที่ถูกต้อง ซึ่งช่วยให้คุณเจ็บป่วยน้อยลง
  2. ควรดื่มน้ำเยอะๆ เพราะหน้าร้อนจะสูญเสียเหงื่อมาก และควรดื่มน้ำเปล่าที่สุกแล้ว หรือจะเสริมปรุงแต่งด้วยน้ำตาล เกลือแร่ หรือสมุนไพรอื่น ๆ ก็สามารถรับประทานได้
  3. ไม่ควรนอนให้ลมหรือความเย็นโกรก ความร้อนจากแดดทำให้เสียเหงื่อ เสียพลัง เมื่อนอนหลับตาก ลมในขณะเหงื่อออก จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง ถ้าอุณหภูมิภายนอกยังสูงอยู่ แล้วเหงื่อไม่สามารถระบายออกมาได้ จะมีความร้อนสะสมอยู่ข้างใน ทำให้เวียนหัว รู้สึกหนักหัว ไม่สดชื่นแจ่มใส หรืออาจทำให้เป็นไข้หวัดได้
  4. การนอนพักผ่อน ควรนอนหลับให้เพียงพอ
  5. ควรเลือกทานอาหารอ่อนๆ ตอนเช้า เช่น ข้าวต้ม เพราะในช่วงเช้ายังไม่ควรทานอาหารที่หนัก ๆ แค่ทานผักผลไม้เยอะ ๆ และหลีกเลี่ยงอาหารทอดๆ มัน ๆ แห้ง ๆ
  6. ควรดูแลสุขภาพของเด็กๆ โดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย และการดำเนินชีวิต
  7. สำหรับหญิงตั้งครรภ์ สิ่งที่ควรปฏิบัติในหน้าร้อน คือ ต้องสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด เพื่อป้องกันการกระทบกับความเย็น อาหารที่กินต้องสะอาด ไม่ควรนอนบนสื่อที่เย็น และห่มผ้าคลุมกายเสมอ ระวังอย่าให้เป็นไข้หวัด ห้ามอาบน้ำร้อนจัด หรือเย็นจัด
  8. บุคคล 3 ประเภทที่ต้องระวังให้มาก คือ คนสูงอายุ ผู้ที่มีระบบย่อยอาหารที่ไม่ดี คนที่มีม้ามพร่อง ผู้ที่มีลักษณะสามอย่างที่กล่าวมานั้น เมื่อได้รับความร้อนจากแสงแดด หรือถ้าดื่มน้ำเย็นมากเกินไป และเกิดความชื้นสะสมในร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการ ท้องเสีย ติดเชื้อราง่าย ขี้หนาว ปวดหัว ตัวร้อน เป็นต้น
  9. อย่าทา ครีมกันแดด อย่างเร่งรีบ แพทย์ผิวหนัง แนะนำให้ทาให้ทั่วถึงแม้แต่ ในร่มผ้า ด้วย โดยทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และหลัง ว่ายน้ำ แม้ผลิตภัณฑ์จะเป็นสูตรกันน้ำ ก็ตาม โดยควรเลือกที่มีส่วนผสมของ Mexoryl และ Tinosorb เพราะสามารถกรอง รังสียูวีเอและยูวีบี ได้ดี เช่น Vichy, Nivea และ Ambre Solaire จาก Garnier
  10. อากาศร้อนจัดมีผลต่อ อารมณ์ หงุดหงิด และ หดหู่ (SAD – Seasonal Affective Disorder) จากสถิติ ผู้หญิงจะเป็นมากกว่า ผู้ชาย ดังนั้นลองออกไป เดินเล่น ช่วงบ่ายแก่ ๆ หรือช่วงที่คนไม่มาก สิ่งสำคัญคือ พยายาม กระฉับกระเฉง เข้าไว้
  11. หากผิวแสบร้อนจาก การโดนแดด แพทย์ ผิวหนัง แนะนำให้กิน ยาแอสไพริน เพื่อลด อาการเจ็บปวด แล้วลองแช่ตัว ใน อ่างน้ำ อุณหภูมิร่างกาย โดยใส่ ออยล์ สำหรับ แช่อาบ จากนั้น บำรุงผิว ด้วย โลชัน ที่มีส่วนผสมของ ว่านหางจระเข้ หรือ อาฟเตอร์ซันเจล และหลีกเลี่ยงแดด ในวันถัดไป
  12. ลองทำ สเปรย์บรรเทาผิวไหม้เกรียม อย่างง่าย ๆ คือ น้ำกรองบริสุทธิ์ 2 ออนซ์ ใส่ เอสเซ็นเชียลออยล์ กลิ่นลาเวนเดอร์ 9 หยด กลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์ 2 หยด และ สเปียร์มิ้นต์ 1 หยด ผสมรวมกันแล้วใส่ใน กระบอกฉีด สำหรับพกติดตัว
  13. หากต้องออกไปเผชิญ อากาศร้อน ภายนอก ควรใช้ เครื่องสำอาง เนื้อครีม ที่ปัจจุบันมี เนื้อแห้งเหมือนแป้ง หากหน้ามัน ปัดทับด้วย บรอนเซอร์ หรือ แป้งชนิดฝุ่น

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

บทความน่าอ่าน

1.การดื่มน้ำรักษาโรค
วารสารทางการแพทย์บอกว่าเมื่อตื่นนอนตอนเช้า ความเข้มของโลหิตยังสูงและมีผลต่อระบบ ความดันโลหิตในร่างกาย แพทย์แนะนำว่าทันทีที่ตื่นนอนให้ดื่มน้ำทันทีหนึ่งแก้ว เพื่อลดความเข้มของโลหิต พวกเราลองดูละกัน อีกอย่างที่พบมาก็คือ ท่านพุทธทาสก็ทำแบบนี้เหมือนกัน

เมื่อเร็วๆ นี้มีคนมากมายส่งเสริมวิธีดื่มน้ำเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์
นี่เป็นแบบนิยมอันดีงามอย่างหนึ่ง ชีวิตที่ดำรงอยู่ได้นอกจากอากาศที่บริสุทธิ์ก็คือน้ำน้ำหนักตัวของคนเรา 2 ใน 3 ส่วนเป็นน้ำจึงมีคนว่าคนประกอบด้วยน้ำอันที่จริงน้ำสามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายของคนได้สามารถทำให้ไตทำงานเป็นปกติขับถ่ายสิ่งโสโครกให้ออกจากร่างกายได้

นายแพทย์แนะนำบ่อยๆ ว่าดื่มน้ำให้มากทุกๆ วัน 
วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ ตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผลดีตื่นเช้าลุกขึ้น ไม่ล้างหน้าไม่บ้วนปาก แล้วดื่มน้ำสุก 5 แก้ว (ขวดวิสกี้บรรจุได้ 3 แก้ว) หรือน้ำหนักของน้ำ1.26 ก.ก.เท่ากับ 5 แก้วรวดเดียว จะรู้สึกหายใจเหนื่อยอึดอัดไปหน่อยหลังจากนั้นจะปัสสาวะบ่อยๆ การปฏิบัติยากลำบากเช่นนี้หากผู้ที่ไม่มีความเชื่อมั่นอาจจะเลิกเสียกลางคัน ผู้ที่ใช้สมองทั้งวันทั้งคืนในธุรกิจการค้า หาเวลาว่างไปออกกำลังมิได้ทุกเช้าควรปฏิบัติดื่มน้ำรักษาโรคแทนการออกกำลังกาย เชื่อมั่นได้ว่าจะต้องปราศจากโรค ชีวิตยั่งยืนอย่างไม่ต้องสงสัย

ในระยะนี้มีผู้ใจบุญพิมพ์คำอธิบายวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ ส่งไปให้เพื่อนฝูง เพื่อนที่ได้รับรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งการที่ช่วยซึ่งกันและกันแบบนี้ควรจะเผยแพร่ให้มากขึ้น
ผู้เขียนยินดีให้ "วิธีดื่มน้ำรักษาโรคของจีนนี้เปิดเผยให้ผู้อ่านได้มีโอกาสค้นคว้าและทดลอง" ได้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่ความเป็นจริงได้ผลอย่างนี้แน่นอนเนื่องจากทำให้ลำไส้ใหญ่ผลิตโลหิตใหม่มากขึ้น ซึ่งโลหิตใหม่นี้ผลิตขึ้นจากฝอยคล้ายสักหลาดที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ดูดธาตุอาหารต่างๆ ผลิตให้เป็น
เม็ดโลหิต เนื่องจากลำไส้เคลื่อนไหวไม่เต็มที่ เป็นเหตุให้โลหิตจางมีอาการรู้สึกเพลียและเป็นโรค เป็นการรักษายาก ลำไส้ของใหญ่ยาว 8 เมตร ทำหน้าที่ดูดธาตุต่างๆ จากอาหาร ถ้าลำไส้สะอาดอาหารที่ได้รับประทานเข้าไปผ่านการย่อยแล้วดูดไปผลิตให้เป็นโลหิตใหม่เป็นการเร่งให้เกิดพลังงานในร่างกายให้สมบูรณ์ขึ้น
โรคต่างๆ จะหายไปเองอายุก็ยั่งยืน มหาวิทยาลัยตามมณฑลต่างๆ ในประเทศจีนได้ผ่านการทดลองและประกาศเปิดเผยให้ทราบโดยทั่วกัน

วิธีดื่มน้ำรักษาโรคสามารถรักษาโรคดังต่อไปนี้
คือ ท้องผูก ปวดหัว เวียนศีรษะ โลหิตจาง โรคประสาท ความดันโลหิตสูง อัมพาตทั้งกาย เป็นลม ปากเบี้ยวโรคปวดตามข้อ โรคอ้วนพี ปวดในกระดูกเส้นเอ็น ปวดเมื่อย หูอื้อ ใจเต้น มือเท้าอ่อนเพลีย โรคไอ โรคหืด หอบ หลอดลมอักเสบ วัณโรค เยื่อสมองอักเสบ โรคตับ
โรคไต เป็นนิ่ว กรดเปรี้ยวในกระเพาะอาหารมากเกินไป กระเพาะอืด กระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรัง โรคบิด โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน สายตาอ่อน โรคตาต่างๆ ตาออกเลือด สตรีประจำเดือนไม่ปกติ ระดูขาว มะเร็งในมดลูก มะเร็งเต้านม จมูกอักเสบ เจ็บคอ และโรคผิวหนังต่างๆ

ต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าของผู้ที่ได้ผ่านการทดลองดื่มมาแล้ว
1. ผู้เขียนได้พบกับผู้ชราที่มีสุขภาพอย่างสมบูรณ์ ได้ทักทายกับท่าน ถามท่านว่าเคยเจ็บไข้หรือเปล่า ท่านตอบว่าหลายสิบปีมาแล้วไม่เคยเจ็บไข้มาเลย ท่านกล่าวว่าตอนที่อายุ 20ปีกระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรังนอนอยู่กับที่นานถึง 10 ปีได้ผ่านการตรวจจากนายแพทย์ 5 ท่าน รักษาฉีดยา รับประทานยา ไม่ได้ผล
ต่อมามีนายแพทย์ท่านหนึ่งได้แนะนำว่าคุณควรทดลองดื่มน้ำสุกอย่างนี้ตื่นแต่เช้าหน้าไม่ล้าง ปากไม่บ้วน ดื่มน้ำสุก 5 แก้วทุกๆ วัน อย่าให้ขาดตอน และห้ามไม่ให้รับประทานอาหารก่อนเข้านอน นายแพทย์สั่งเสร็จก็กลับไปโดยไม่ให้ยาไปกินวันรุ่งขึ้นผมก็ทำตามนายแพทย์สั่ง ดื่มน้ำ 5 แก้วรวดเดียว ในหนึ่งชั่วโมงปัสสาวะ
3 ครั้ง หลังจากนั้นก็รับประทานข้าวต้ม รู้สึกรสชาติของข้าวต้มอร่อยกว่าที่แล้วๆมาวันที่สองดื่มน้ำ 5 แก้วอีกถ่ายอุจจาระออกมามีเลือดดำปนอยู่มากต่อจากนั้นสามเดือนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีก 10 ก.ก. เวลานี้ผมอายุ 64 ปีแล้ว นับแต่ได้ปฏิบัติดื่มน้ำมายังไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลย แม้แต่หวัดก็ไม่เคยเป็น
2 เมื่อผมยังเป็นเด็กเคยเป็นเยื่อสมองอักเสบ นายแพทย์สั่งให้ดื่มน้ำ 5 แก้วทุกวัน ไม่นานเยื่อสมองที่อักเสบก็หายไปเอง ภรรยาผมเมื่อ 10 ปีก่อนเป็นโรคหัวใจและเป็นโรคอ้วนเกินไป ร่างกายสูงไม่เกิน 5 ฟุต น้ำหนักตัว 120 ก.ก. พอดื่มน้ำได้ 15 วัน โรคหัวใจ โรคประสาท โรคเข็ดเมื่อยก็ค่อยๆ ดีขึ้น ดื่มน้ำได้สองเดือนน้ำหนักตัวลดลงไป 16 ก.ก. เมื่อก่อนเราต้องใช้ยาประจำนวดไฟฟ้า และรักษาด้วยวิธีเข็มแทงแบบหมอจีนก็ไม่หาย แต่เวลานี้หายไปหมดแล้วจากการดื่มน้ำ

3. อาจารย์ในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นเคยแถลงการณ์ร่วมสองครั้ง เกี่ยวกับฝอยคล้ายสักหลาดในลำไส้ผลิตโลหิตขึ้น จนเดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีใครโต้แย้งเลย ไม่ว่าโลหิตจะมาจากไหน แต่ธาตุต่างๆ จะต้องมาจากอาหารอย่างแน่นอน เมื่ออาหารลงไปถึงกระเพาะแล้วผ่านการย่อยลงไปสู่ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ธาตุส่วนมากกลายเป็น
ของเหลว เมื่อลำไส้ยาว 8 เมตร ดูดธาตุต่างๆ เสร็จก็จะส่งไปสู่ลำไส้ออกของที่ทวารหนักซึ่งเป็นของที่ไม่มีประโยชน์สำหรับร่างกาย

4. กระเพาะเป็นแผลเน่า ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล โรคความดันโลหิตสูง ดื่มน้ำ 1 เดือนเริ่มเห็นผล กระเพาะบิด 3 เดือนเริ่มเห็นผล ท้องผูก 3 วันก็เห็นผล ท้องเป็นบิดกับปัสสาวะกลางคืนบ่อยๆ ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล เข็ดเมื่อยตามข้อ 3 เดือนเห็นผล ผู้สูงอายุเข็ดเมื่อยทั้งร่างกาย ดื่มน้ำ 2 เดือน เห็นผล โดยเฉพาะผู้ที่ โลหิตคั่งอยู่ในสมอง เกิดเป็นลมขึ้นเป็นมายังไม่เกิน 3 เดือน ดื่มน้ำเพียงสัปดาห์เดียวก็หายเหมือนเดิม รับรองไม่พิการหรือเป็นอัมพาต

ผู้ที่ดื่มน้ำควรทราบ ดื่มน้ำสุกดีที่สุด
หากดื่มน้ำประปา ควรจะใส่ขวดไว้แรมคืนให้ตกตะกอนเสียก่อนเพื่อป้องกันท้องร่วง เวลารับประทานอาหารดื่มน้ำได้ตามปกติ แต่หลังอาหารสองชั่วโมงไม่ควรดื่มอีกก่อนเข้านอนไม่ควรรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามรับประทานน้ำส้มคั้น และจำพวกแอปเปิ้ล ผู้ที่มีโรคประจำตัวดื่มน้ำทีเดียว 5 แก้วไม่ใช่ของง่าย ดื่มน้ำเสร็จทางที่ดีใช้หรือออกกำลังสัก 20นาที คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นได้ ดื่มน้ำเสร็จให้สูดอากาศเข้าปอดให้มากๆ และนวดที่บริเวณที่สะเอวให้น้ำไหลลงสู่ลำไส้ให้สะอาด ดื่มน้ำวันแรกภายใน 1 ชั่วโมง จะ
ปัสสาวะ 3 ครั้งติดๆ กัน แต่ต่อไป 3 - 4 วัน การถ่ายท้องจะเป็นปกติภายใน 7- 8 วัน การปัสสาวะเป็นเพียงครั้งเดียว นับแค่นั้นไปจะรู้สึกร่างกายสบาย เวลารับประทานอาหารจะรู้สึกอร่อยเป็นพิเศษ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระเพาะลำไส้ได้ถูกชำระสะอาดแล้ว ผู้ที่หมดหวังแล้วจะรอดตายด้วยวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ นี้จึงเขียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน ขอให้ทุกท่านจงปราศจากการไข้และป่วยต่างๆ

ข้อควรทราบ หลังจากอาตมาได้ทราบตามข้อนี้ และได้ปฏิบัติตาม รู้สึกว่าโรคต่างๆ ที่คนชราโดยมากเป็นอยู่บัดนี้รู้สึกว่าเริ่มสบายขึ้นเป็นลำดับเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมจึงขอยืนยันมาให้ทราบ เป็นการกุศลต่อไป ท่านที่รับหลักการนี้ไปปฏิบัติแล้ว ถ้ามีประโยชน์ดีควรเผยแพร่ต่อไปเพื่อเป็นการกุศล

อ้างอิง






2.   4 เรื่องสุขภาพ.....เอามาฝากด้วยความปรารถนาดี
 1. ทำอย่างไรจึงจะไม่แก่ และอายุยืน            
           คำตอบคือกินสายกลาง  กินสายกลางคือกินมื้อเช้าและมื้อเที่ยง  งดมื้อเย็น  เปรียบตัวเราเป็นรถยนต์   ตื่นเช้ามาต้องเติมน้ำมันก่อน หรือกินมื้อเช้า  รถจึงจะวิ่งได้   ถึงเที่ยงน้ำมันยังไม่หมด   เติมอีกครั้ง    ถึงเย็นก่อนนอนก็ยังไม่หมด ฉะนั้นถ้ากินมื้อเช้า  มื้อเที่ยง  จนถึงเย็น พลังงานยังเหลือแน่นอน   ไม่จำเป็นต้องไปเติมอีก   เพราะเวลานอนร่างกายจะนำพลังงานที่เหลือใช้ไปเก็บในที่ต่างๆ   โดยตับเป็นผู้ทำงานนี้ ถ้าพลังงานเหลือมาก   การเอาไปเก็บในที่ต่างๆก็มาก   ทำให้อ้วน   และแน่นอนถ้าเก็บไม่หมดโดยเฉพาะพวกไขมันตัวโตๆ  จะต้องค้างอยู่ในหลอดเลือด ถ้าค้างสะสมมากเท่าใด   รูหลอดเลือดก็จะเล็กลงทุกวัน   เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้น้อยลง   อวัยวะทั้งหลายก็จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นหรือแก่เร็วขึ้น ถ้าวันไหนอุดตัน   เช่นถ้าตันที่สมอง  จะกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งซีก   ถ้าอุดตันที่ไต  ต้องล้างไต  เปลี่ยนไต   ถ้าตันที่ขา อาจต้องตัดขาทิ้ง ถ้าตันที่กล้ามเนื้อหัวใจ   ก็จะไม่มีโอกาสได้สั่งลาใคร    ฉะนั้นการกินมื้อเย็นจึงเป็นมื้อที่เร่งกระบวนการเสื่อมถึงเสียชีวิตให้เร็วขึ้นไปอีก มื้อเย็นจึงเป็นมื้ออันตราย  เป็นมื้อตายผ่อนส่ง   ยิ่งกินมื้อเย็นมาก  ยิ่งผ่อนส่งมาก  ตายเร็ว  ถ้าไม่กินมื้อเย็น  ก็จะแก่ช้า  เสื่อมช้า  อายุยืน การไม่กินอาหารมื้อเย็นเป็นเรื่องที่ต้องเอาชนะใจตัวเองอย่างมาก  ถ้าใครทำได้จะตัดทั้งกิเลส  สุขภาพดี   อายุยืน   และมีสมาธิดี ความมุ่งมั่นสูง  ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ  แต่ท่านต้องฝึกกระเพาะให้เกิดความเคยชิน    วิธีฝึกมี 4 วิธี

       1.   ค่อยๆลดปริมาณอาหารมื้อเย็น  ทีละน้อยๆเช่นลดกินข้าวจาก 2 จาน  เหลือ1 1/2 จาน สัก 3-4 เดือน  โดยมีข้อแม้ว่าหลังอาหาร เย็นแล้วห้ามกินอาหารใดๆทั้งนั้นยกเว้นน้ำเปล่า พอกระเพาะชินแล้วลดเหลือ 1 จาน  ต่อไปครึ่งจาน  ต่อไปไม่กินข้าวเลยกินแต่กับ  ต่อไปกินผักผลไม้ สุดท้ายงดอาหารเย็น
       2.  ร่นเวลากินอาหารเย็น  เช่นจาก 2 ทุ่มมากิน 1 ทุ่ม  ต่อไปเลื่อนเป็น 6 โมงเย็น  5 โมงเย็น  4 โมงเย็น  3 โมงเย็น ฯ
       3.   กินเม็ดแมงลักแทนมื้อเย็น  ใช้เม็ดแมงลัก 2 ช้อนโต๊ะใส่ในถ้วยน้ำแกงหรือน้ำเปล่าคนแล้วดื่มทันที   ดื่มน้ำตามอีก 4-5 แก้ว
       4.   กินมังสะวิรัตมื้อเย็น  การกินผักผลไม้ถือว่าเป็นอาหารไม่มีพิษ  ร่างกายจะได้พักไม่ต้องทำลายพิษของอาหารเนื้อสัตว์ พิษที่สะสมไว้ก่อนก็จะถูกตับ ไต กำจัดหมดไปเองได้  ร่างกายมีเวลาถึง 18 ช.ม.  กำจัดพิษที่ติดมากับมื้อเช้า  มื้อเที่ยงได้ทัน  ฉะนั้นการไม่กินอาหารเย็น  จึงเป็นเวลาที่ตับ ไต จะสามารถกำจัดสารพิษจากอาหารมื้อเช้าและเที่ยงได้หมด  ร่างกายจึงบริสุทธิ์ทุกวัน
           

2. โรค Attention Deficit Trait ดย ผศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์    
pasu@acc.chula.ac.th

ท่านผู้อ่านเป็นผู้หนึ่งที่ชอบทำงานในลักษณะของ Multitasking หรือไม่ครับ? คนกลุ่มนี้จะเป็นพวกที่สามารถหรือชอบที่จะทำงานหลาย ๆ อย่างไปในขณะเดียวกัน เช่นในขณะที่กำลังเช็คอีเมลทางคอมพิวเตอร์ ก็กำลังคุยโทรศัพท์สั่งงานกับลูกน้อง พร้อมทั้งดื่มกาแฟไปพร้อมกัน หรือในขณะที่กำลังนั่งประชุม ก็สั่งงานพร้อมทั้งหาข้อมูล และตัดสินใจผ่านทางเครื่องโน้ตบุ๊คที่ตั้งอยู่ข้างหน้า  ในอดีตผมก็เคยชื่นชมคนพวกนี้นะครับว่า มีความสามารถมาก สามารถทำงานได้หลายอย่างในขณะเดียวกัน สามารถทำงานได้ออกมาเยอะ และดูยังสงบไม่ตื่นเต้นโวยวายเท่าใด  แต่ท่านผู้อ่านทราบไหมครับ ว่า การทำงานในลักษณะ Multitasking นั้น กลับเป็นสาเหตุประการหนึ่งของโรคร้ายใหม่ในที่ทำงาน ที่เราเรียก Attention Deficit Trait หรือ ADT โรคนี้เป็นโรคที่เราจะเจอมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะแวดล้อมที่บังคับให้คนทำงานจะต้องทำงานด้วยความรวดเร็วมากขึ้น ทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กัน จะต้องตื่นตัวตลอดเวลา ไม่มีเวลาหรือโอกาสได้สงบพักท่านผู้อ่านลองพิจารณาตัวท่านเองหรือบุคคลรอบข้างนะครับว่า เป็นโรคนี้หรือไม่?

ผมอ่านพบเจอโรคนี้จากวารสาร Harvard Business Review ฉบับเดือนมกราคม 2548 ในบทความชื่อ
Why Smart People Underperform เขียนโดย Edward M. Hallowell ซึ่งเป็นจิตแพทย์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในโรคที่เกี่ยวกับสมองและสมาธิทั้งหลาย คุณหมอท่านนี้ทำการรักษาอาการ Attention Deficit Disorder หรือ ADD มากว่า 25 ปี และ โรค ADD นี้เราเริ่มรู้จักกันมากขึ้นในเมืองไทย โดยเฉพาะผู้ที่มีลูกอยู่ในวัยเรียน เรามักจะเรียกโรคนี้ว่าเป็นโรคสมาธิสั้น

ผู้เขียนบทความนี้เขาพบว่า ในช่วงหลังๆ เริ่มมีผู้ใหญ่เข้ามารับการรักษาในอาการที่คล้ายกับโรคสมาธิสั้นกันมากขึ้น แต่เมื่อวินิจฉัยดูก็ไม่ได้เป็นโรคสมาธิสั้น แต่เป็นโรคอีกชนิดหนึ่งที่มีอาการคล้ายกับโรคสมาธิสั้น คุณหมอท่านนี้เลยตั้งชื่อใหม่ว่าเป็น Attention Deficit Trait หรือ ADT โดยสาเหตุของ ADT จะต่างจากโรคสมาธิสั้น เนื่องจากโรคสมาธิสั้นจะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมและสภาวะแวดล้อม แต่ ADT นั้น จะมาจากสภาวะแวดล้อมเป็นหลัก

ผู้ที่เป็นโรค ADT นั้น มักจะมีอาการสมาธิสั้น ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับงานใดงานหนึ่งได้นานๆ ก็จะถูกดึงดูดด้วยงานอย่างอื่น มีความวุ่นวายอยู่ข้างใน (แต่มักจะไม่แสดงออกมาให้ผู้อื่นเห็น) ไม่ค่อยอดทน มีปัญหาในการจัดระบบต่างๆ (Unorganized) การจัดลำดับความสำคัญ และการบริหารเวลา

โรค ADT นี้ มักจะเริ่มก่อเกิดขึ้นเมื่อเราก้าวขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ การที่มีความรู้สึกว่ามีงานด่วน หรือสิ่งที่จำเป็นและเร่งด่วนที่จะต้องทำเข้ามาเรื่อยๆ และท่านพยายามที่จะจัดการกับงานด่วนเหล่านั้นให้สำเร็จ จะเป็นบ่อเกิดที่สำคัญของโรค ADT เพราะเมื่อเรามีงานที่เร่งด่วน หรือจำเป็นเข้ามาเรื่อยๆ เราก็มักจะรับภาระความรับผิดชอบต่องานเหล่านั้น อีกทั้งไม่บ่นไม่โวยวายต่อภาระงานที่เพิ่มขึ้น เราจะก้มหน้าก้มตาพยายามทำให้งานสำเร็จ ทั้งๆ ที่กำลังความสามารถ และเวลาของเราไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับปริมาณของงานที่เข้ามา  ดังนั้น เมื่อเจอกับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นและเร่งด่วนขึ้น เราก็มักจะอยู่ในอาการของความรีบร้อนตลอดเวลา พยายามทำงานให้เสร็จโดยเร็ว

การทำงานหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กัน และขาดสมาธิต่อการทำงานๆ หนึ่ง (Unfocused) แต่ในขณะเดียวกัน บุคคลเหล่านี้ก็จะไม่บ่นไม่โวยวาย ดูจากภายนอกแล้วเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

ทีนี้ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยครับว่าโรค ADT จะก่อให้เกิดปัญหาอะไรขึ้น? ง่ายๆ ก็คือ ทำให้สมองเราสูญเสียความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และทำงานอย่างละเอียดลึกซึ้ง จะส่งผลให้งานที่ออกมาเป็นงานที่เร็วแต่ไม่ลึก จะทำให้ความสามารถในการทำงานของเราลดน้อยลง การที่สมองเราจะต้องรับ วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ก็ลดลง อีกทั้งความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้มากขึ้น

โรคนี้ถือเป็นโรคใหม่ในที่ทำงานอย่างหนึ่งครับ เกิดขึ้นเนื่องจากสภาวะแวดล้อมในการทำงาน ที่ต้องการความรวดเร็ว และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น สมองเราจะต้องรับและประมวลผลข้อมูลต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิม วัฒนธรรมในการทำงานในปัจจุบัน ก็เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เราเกิดโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำคัญของความเร็วในการทำสิ่งต่างๆ ในปัจจุบันดูเหมือนว่าเราต้องการความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ (เรามักจะคิดว่าในเมื่อคนทุกคนมีเวลาเท่ากัน ดังนั้น ผู้ที่มีความเร็วมากกว่าจะทำงานได้มากกว่า)

ท่านผู้อ่านลองสังเกตซิครับเวลาท่านขึ้นลิฟต์ ปุ่มไหนที่ท่านจะกดบ่อยที่สุด ปุ่มนั้นก็คือปุ่ม "ปิดประตู" เนื่องเพราะทุกคนเป็นทาสของความเร็ว ไม่สามารถรอให้ลิฟต์ปิดได้เอง

***ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านเป็นโรค ADT กันบ้างไหมครับ ผมลองสังเกตตัวเองก็รู้สึกว่าเป็นเหมือนกันครับ ทั้งสาเหตุและอาการก็เหมือนกับที่คุณหมอเขาเขียนไว้ในบทความของเขาเลยครับ เพียงแต่ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งตกใจนะครับ ถ้ารู้สึกว่าตนเองเป็น ADT เนื่องจากคนแต่ละคนจะมีวิธีการในการบริหารและจัดการกับโรค ADT ที่ต่างกัน (เนื่องจากสมองของคนแต่ละคนต่างกัน)***

3.  ดื่มน้ำน้อยมีผลร้ายที่คุณคิดไม่ถึง
ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำ 70 กว่าเปอร์เซนต์ เลือดเราประกอบด้วยน้ำ 90 กว่าเปอร์เซนต์   กระดูกเราก็ประกอบด้วยน้ำ 22 เปอร์เซนต์ ร่างกายเราเสียน้ำวันละ 2 ลิตรเศษ แล้วรับน้ำเข้าไป เพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่พอเราก็ถือว่าขาดน้ำ ร่างกายและอวัยวะภายในจะรวนผิดปกติไปหมด

เลือดเราจะข้นหนืด   ยากที่หัวใจจะสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายส่วนต่างๆ ของร่างกาย หัวใจเองนั่นแหละจะตีบตันเสียก่อน ต้องทำบายพาสกันวุ่นวาย ความจำก็จะเสื่อมหรือเป็นอัลไซเมอร์ เพราะเลือดเลี้ยงสมองไม่พอ เส้นเลือดก็จะตีบตันหมดหรือไม่มีเลือดจะขึ้นไปเลี้ยง

จากประสบการณ์ที่พบคนไข้ที่เป็นโรคความจำเสื่อม เป็นถึงระดับผู้บริหารใหญ่ๆก็หลายท่าน ดื่มน้ำวันละ 2-3 แก้ว ไม่เกิน 500 ซี.ซี. เลือดก็ข้นหนืด เต็มไปด้วยไขมัน สังเกตุได้หัวตาเหมือนกับเอาพู่กันป้ายสีขาวไว้   และก็ฟันธงได้เลยว่าทุกรายถ้าดื่มน้ำอย่างนี้คลอเรสเทอรอลสูงทุกคน   รอให้เส้นเลือดอุดตันได้เลย

ดื่มน้ำน้อยมาก เลือดคงจะข้นหนืด ผนังมดลูกคงจะแห้งไม่ลอกหลุดออกมาเมื่อมีไข่ตก และไม่ได้รับการผสมพันธุ์ เลือดนั้นก็ยังสะสมเป็นของเสียอยู่ที่ผนังมดลูกเดือนแล้วเดือนเล่า เมื่อช่องทางการขับของเสียดำเนินไม่ได้ตามธรรมชาติ ร่างกายก็จะสร้างรั้วขอบเขตเป็นถุง เป็นเนื้องอก มาหุ้มห่อของเสียนั้นไว้ ของเสียก็จะค่อยๆกลายเป็นเนื้องอกและกลายเป็นมะเร็งในที่สุด

ช่องทางในการขับของเสียออกจะมีอยู่ 5 ช่องทางด้วยกันคือ
1. ไต   ขับออกมาทางปัสสาวะ
2. ลำไส้ใหญ่   ขับออกมาทางอุจจาระ
3. ปอด   ขับออกมาทางลมหายใจ
4. ผิวหนัง  ขับออกมาทางเหงื่อ
5. รอบเดือน   ขับออกมาทางประจำเดือน
 
4.  เส้นโลหิตในสมองบกพร่อง - เคล็ดลับการวินิจฉัยอาการโรค Apoplexy

วิธีวินิจฉัยอาการ  แพทย์แนะว่า  คนข้างเคียงเพียงแค่ทดสอบผู้ป่วยด้วย 3 ข้อ

โปรดจำเคล็ดลับ STR ดังต่อไปนี้
 S:  (smile) ให้ผู้ป่วยยิ้ม
 T:  (talk) ให้ผู้ป่วยพูดประโยคที่มีสาระสมบูรณ์  เช่น  วันนี้อากาศสดใสดีจัง
 R:  (raise) ให้ผู้ป่วยชูแขนสองข้าง

 อาการอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม ให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออก ถ้าลิ้นม้วนหรือเบี้ยวไปข้างหนึ่ง  ใช่แล้ว ส่ออาการอันตราย !!!

 ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปรกติข้อใดข้อหนึ่ง  ให้รีบติดต่อแพทย์ ส่ง ร.พ.โดยด่วน

อ้างอิง


3.เที่ยวป่าแบบอนุรักษ์


 ในช่วงเวลาที่ย่ำเท้าก้าวสู่พงไพร พบเห็นเรื่องราวมากมาย  ซึ่งบางครั้งเรื่องราวและภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าสะท้อนอารมณ์เกินคำบรรยาย ต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นโดนเลื่อยแล่แปรสภาพ ซากสัตว์ป่าที่ถูกล่าแล่เนื้อเถือหนังเหลือทิ้งไว้เพียงภาพโครงกระดูก หรือร่องรอยกับดักต่างๆ การท่องเที่ยวในพื้นที่แบบนี้มีน้อยคนจะได้เดินผ่านเข้าไปหากไม่ได้ใช้คนนำทางที่มีใจอนุรักษ์จริงๆ
ในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวที่สนใจการเดินป่าแบบนี้มากขึ้น การได้บันทึกภาพและบอกเล่าเรื่องราวที่ตัวเองพานพบผ่านเวบไซด์ ผ่านการฟอร์เวิร์ดเมล ทำให้ข่าวสารเรื่องราวต่างๆพรั่งพรูสู่สายตาผู้คนอีกมากมาย แต่ทว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวแนวนี้มีแต่คำโปรโมทครับ หาใช่เป็นจริงไม่ งบประมาณการท่องเที่ยวที่สนับสนุนกิจกรรมแบบนี้มีน้อยถึงน้อยมาก ทั้งๆทีในความเป็นจริงการส่งเสริมกิจกรรมการเดินป่านั้นใช้เพียงการประสานงานไปในแต่ละที่ละถิ่นให้นักท่องเที่ยวเท่านั้น เพราะคนที่รักและรักษ์ป่ายังมีมากมาย ใฝ่ฝันจะเดินทางและสัมผัสไอดินกลิ่นป่าอย่างไม่กลัวความยากลำบาก แต่การประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่นั้นบางทียากเย็นนัก จึงทำให้หลายคนท้อแท้ 

ในขณะเดียวกันการทุ่มงบโปรโมทการท่องเที่ยวในสิ่งที่เห็นเช่นดึงนักกอล์ฟมาจากต่างประเทศ จัดแข่งตีลูกกลมๆลงรูดูหรูหราเหลือเกิน งบประมาณ 40-50 ล้าน คนเดินป่าบ้าใบคงได้แต่นั่งมองค้อนขวับๆในขณะที่คนเดินป่าพวกนี้เมื่อคราใดก้าวเท่าผ่านภูผา จะใช้คนในพื้นที่ทั้งช่วยแบกข้าวของ และนำทาง เป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น หากพวกเขามีรายได้และถูกปลูกฝังเรื่องการอนุรักษ์ป่าจากนักท่องเที่ยวหลายๆกลุ่ม พวกเขาก็คงจะสอนลูกหลายให้ช่วยกันอนุรักษ์ผืนป่าต่อไป เมื่อก่อนป่าเป็นไงบ้างน้าผมเอ่ยปากถามน้าใจเจ้าของร้านอาหารครัวม่อนไข่ บ้านผาปก สวนผึ้งราชบุรี เมื่อก่อนต้นไม้ที่นี่มีแต่ตัด และตัด จนวันนึงมีกลุ่มคนจากกรุงเทพมาเห็นแล้วบอกว่า จะไปตัดทำไมเก็บเอาไว้ แล้วที่นี่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวรายได้จะวิ่งมาหาชุมชน น้าใจตอบขณะเอาถุงพลาสติกคลุมหัวขณะฝนกระหน่ำบนเขากระโจม ต้นไม้ต้นนึงกว่าจะโตได้หลายสิบปี แต่ใช้เวลาตัดไม่กี่วินาทีครับ น้าใจเสริม วันนี้ผมประจักษ์แล้ว ตราบใดมีป่าก็ยังจะมีคนมาเที่ยว ผมขายของได้ รับจ้างนักท่องเที่ยวได้ น้าใจพูดไปยิ้มไป การอนุรักษ์อาจจะไม่เห็นผลภายในวันเดียว คงต้องใช้เวลาครับ


วันนี้จึงขอเชิญชวนคนที่มีหัวใจรักษ์ป่า ย่างเท้าก้าวเดินเคยมีคำพูดนักเขียนท่านนึง อ.อำนวย อินทรารักษ์ เจ้าหน้าที่ฝึกอบรมเขาใหญ่ ( เจ้าพ่อทาก )บอกไว้น่าฟังว่า คนเราที่เดินเข้าป่าไปนี้จะไปรับวัคซีน วัคซีนที่เกิดจากเห็ดพิษเพราะในป่าจะมีเห็ดราพิษมากกว่าเห็ดที่กินได้ เมื่อเราสูดดมสปอร์ของเห็ดพิษเข้าไป ร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกันเป็นผลประโยชน์จากการเดินป่าอีกอย่างนึงครับ การเที่ยวป่าหากรู้จักป่าจะสนุกมากครับ ทั้งเรื่องต้นไม้ใบหญ้า แกะรอยสัตว์ป่า แมลงป่ายามค่ำคืน แต่ย้ำเตือนผองเพื่อนอย่าเคลื่อนย้ายสิ่งที่อยู่ในป่ามาสู่เมืองก็เท่านั้นที่ฝากไว้ครับ

อ้างอิง